#โรคมะเร็ง
คนตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ 1 ของโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย แม้กระทั่งแพทย์เองหากเป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่ก็ตายเหมือนกัน แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ทั่วไป ไม่ได้ฉุกคิดว่า แพทย์เองนั้นเมื่อเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด แก้ปัญหาตัวเองยังไม่ได้ ตายด้วยมะเร็งเช่นเดียวกับประชาชน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไปรักษากับคนที่เมื่อเขาเป็นมะเร็งแล้ว เขาก็ยังรักษาตัวเองไม่หาย
#สาเหตุที่แพทย์แผนปัจจุบันหรือผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้ เพราะว่ายังไม่รู้จักโรคนี้อย่างถ่องแท้ จึงทำให้ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากมีความใจกว้างที่จะศึกษาเรียนรู้ข้อมูลข้อคิดเห็นจากศาสตร์อื่นเพิ่มเติมก็จะเข้าใจมะเร็งได้ชัดขึ้น
#มะเร็งเกิดได้อย่างไร ตามหลักการแพทย์ทางเลือกวิถีพุทธ
(บุญนิยม) เชื่อว่า มะเร็งเกิดจากความไม่สมดุล และยุคนี้ส่วนใหญ่ เป็นความไม่สมดุลแบบร้อนเกินด้วย ต้นเหตุ ๙ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดทุกโรค รวมถึงมะเร็งด้วย ได้แก่
1. มีความเครียด
2. กินอาหารไม่ถูกหลัก
3. กายบริหารไม่ถูกต้อง
4. รับแต่มลพิษ
5. แก้พิษไม่เป็น สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเลคทรอนิคส์ เกินความสมดุล
#สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดสภาวะร้อนเกินในร่างกายเมื่่อมีความร้อนเกิดขึ้นก็มีกลไกลอยู่ตัวหนึ่ง คือ เมื่อมีความร้อนอยู่มาก ๆ ก็จะมีการเผาเนื้อเยื่อให้แข็ง แข็งคล้าย ๆ กับเนื้อที่เราเอาไปต้ม หรือเอาไปย่าง เนื้อต่าง ๆ เมื่อโดยความร้อนจะมีความแข็งขึ้น จากเนื้อนิ่ม ๆ เมื่อโดนความร้อนก็จะแข็งขึ้้น โดยสัจจะเมื่อมันแข็งขึ้น เมื่อมันเผาถึงรอบหนึ่งเลือดลมก็จะไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงเซลล์ไม่ได้ อาหารเข้าไม่ได้ ของเสียออกไม่ได้เซลล์ตัวนั้นก็จะแข็งแล้วก็ตาย พอเซลล์จะเริ่มเสื่อมแล้วก็ตายก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้
#เพราะเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ เมื่อไหลเวียนไม่ได้ร่างกายก็จะมีกลไกผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนพอผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ความร้อนก็ยังอยู่เหมือนเก่า ในเมื่อความร้อนยังอยู่เหมือนเดิมเซลล์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ๆ ยังไม่ทันแข็งแรงดีก็จะถูกเผาให้แข็งอีก และถูกแปะไว้อีก ด้วยความร้อนที่มีอยู่พอถูกเผาก็แข็งแปะไว้อีกร่างกายก็จะผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก อยู่อย่างนี้ก็ทำให้เนื้อเยื้อตรงจุดเดิมมีการงอกออกมาเรื่อย ๆ โตขึ้น ๆ จึงกลายเป็นเนื้องอก
#แต่ถ้ามันงอกไม่หยุดงอกอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นมะเร็ง หรือใครที่กินอาหารร้อน ๆ แต่ร่างกายทำการขับความร้อนออกไปไม่หมดความร้อนนั้นก็จะไปกองกันนานเข้า ๆ ก็จะกลายเป็นมะเร็ง ของผัดของทอดจะเป็นอาหารที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ดีมากทีเดียว คนที่ไม่มีความสมดุลในร่างกายมีแต่การซับพิษเข้าร่างกายตลอดเวลาก็จะทำให้มีก้อนตามที่ต่าง ๆ ตามร่างกาย แต่ถ้าเราไม่เครียด ไม่เร่งผลมากจนเกินไปและเร่งภาคเพียรปฏิบัติ การหายก็จะเร็วขึ้น ก้อนต่าง ๆ
#เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย 2 ปัจจัย คือ
1. ธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับแล้วร่างกายก็จะทำการขับสิ่งเหล่านี้ไปกองไว้ที่ใดที่หนึ่งทำให้เกิดการเผาให้แข็ง
2. เนื้อเยื่อที่มันแข็งตาย การที่มีไขมันเกินในร่างกายมากจนร่างกายขับไขมันเหล่านั้นไปกองอยู่ในร่างกายที่ใดที่หนึ่งก็จะกลายเป็นก้อนมะเร็งได้
#พ่อท่านเล่าให้ฟังว่าจริงแล้ว ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย อุตุ พีชะ จิตตะ กรรมมะ ชีวิตมนุษย์นี้ประกอบด้วย 5 ส่วน แต่ส่วนที่เป็นร่างกายนี้มันคือพีชะ โดยธรรมชาติของพืชก็จะรับเอาสารที่มันต้องการเท่านั้นส่วนสารที่มันไม่ต้องการก็จะไม่เอา หากเราใส่สิ่งที่มันต้องการเข้าไปมันก็จะรับแล้วดูดเข้าไป แต่สารบางอย่างที่ มันไม่ต้องการก็จะไม่ดูดไม่รับเข้าไป
#ซึ่งสิ่งที่มันไม่ต้องการก็จะค้างเอาไว้และขับออก ๆ ไปกองเอาไว้ที่ใดที่หนึ่ง เมื่อมีมากขึ้นก็ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกและไป
เบียดเนื้อเยื่อ ก็เลยทำให้เนื้อเยื้อนั้นตาย ทำให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทน เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ การที่เรามีธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับมีมากจนเกินไปแล้วกองรวมกันไม่สามารถถ่ายเทออกได้ และ เนื้อเยื้อที่มันแข็งตาย ที่ถูกเผาตายอยู่เรื่อย ๆ กองรวมกัน นาน ๆ เข้าก็จะทำให้กลายเป็นมะเร็ง
#ส่วนมะเร็งอีกแบบหนึ่ง คือร่างกายร้อนมากแล้วร่างกายไม่สามารถผลิตเนื้อเยื้อขึ้นมาแทนได้ความร้อนนั้นได้เผาเนื้อเยื้อนั้นให้เปื่อยจนเน่าไปเรื่อย ๆ จนเหม็น
#มะเร็งอีกแบบหนึ่งคือ ความร้อนได้เผาเนื้อเยื่อนั้นให้ผิดรูปไปก็จะเป็นมะเร็งอีกแบบหนึ่ง
#แต่การแก้ก็เหมือนกันทั้งสิ้นนั้นก็คือการที่ต้องถอนพิษร้อนนั้นออก ด้วยยา 9 เม็ดตามแบบแพทย์วิถีพุทธ หากเราถอนพิษร้อนด้วยยา 9 เม็ด อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่า เช่น เรากินน้ำคลอโรฟิลด์ หรือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น อะไรต่าง ๆ แต่หลักการใหญ่ที่เรารู้ก็คือร่างกายมีความร้อนมากเกินไป
#เราก็ใส่ความเย็นเข้าไปเพื่อที่จะไปลดความร้อนลงสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือร่างกายเย็นลงเช่นหากเรากินน้ำคลอโรฟิลด์เข้าไปความเย็นก็จะเคลื่อนเข้าไปที่เซลล์ความร้อนก็จะเคลื่อนออกมาตามหลักการเคลื่อนของพลังงาน ทำให้เซลล์เย็นลงมันจะเกิดผลอยู่ 3 เรื่อง คือ 1) เซลล์เย็นลง
2) เซลล์จะอ่อนตัวจากเซลล์ที่แข็งมันจะอ่อนตัวลงเป็นไปตามสัจจะของมัน เช่น หากเราทำงานมาก ๆ กล้ามเนื้อก็จะร้อนแข็งแกร่งค้างร้อน หรือหากเรามีความเครียดมาก ๆ จะเห็นได้ว่าบริเวณบ่า และคอ มีความแข็งก็เพราะความร้อนเผานั้นเอง
#แต่พอเราผ่อนคลายไม่เครียดความตึงแข็งต่าง ๆ ก็จะลดลง คลายตัวลง
3) เม็ดเลือดขาวจะแข็งแรงขี้นเพราะว่าเม็ดเลือดขาวนั้นไม่ถูกความร้อนเผาก็จะแข็งแรงขึ้น เมือใดที่เม็ดเลือดขาวแข็งแรงมันก็จะไปโอบสลายเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเม็ดเลือกขาวในการสลายเชื้อโรค สลายเซลล์มะเร็ง อยู่แล้วที่จะทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยขบวนการฟาโตซีส เม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่าแมคโครฟาด
#โดยการเข้าไปโอบเซลล์มะเร็งแล้วหลั่งสารทำลายเซลล์มะเร็งออกมาแล้วส่งเซลล์เหล่านั้นโดยแปรสภาพเป็น
ขอเสียต่าง ๆ เช่นเป็นน้ำเมือก เป็นน้ำเหลือง เป็นขี้ไคล เป็นอุจจาระ
เป็นปัสสาวะ ขี้หู ขี้ตา ขี้จมูก ขี้ปาก ทุก ๆ อย่าง ในร่างกาย
ทางระบายพิษปกติของร่างกาย จะระบายสารพัดทิศทางที่สามารถระบายได้ พอพิษสามารถระบายออกได้เซลล์มะเร็งก็จะเล็กลง ๆ สุดท้ายมะเร็งก็หายไปในที่สุด
#เราจึงพบคนไข้มากมายที่มารักษาในแบบนี้พบว่าเนื้อที่เป็น ก้อนแข็ง ๆ จะอ่อนตัวลง ยุบตัวลงเล็กลงจากก้อนแข็ง ๆ มันอ่อนตัวลง มันยุบลงเราเจอคนไข้จำนวนมากที่ปฏิบัติตัวแล้วเกิดผลทีดีขึ้น ภายในระยะเวลา 5 วันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เห็นได้จึงทำให้เราพบว่ามะเร็งสามารถทำให้หายได้หากคุณทำได้ถูกต้อง
#บางท่านอาจสงสัยว่าก่อนที่จะมารักษาเหตุใดเม็ดเลือดขาวถึงไม่ไปกินเซลล์มะเร็ง ก็จะมีเหตุผลอยู่ 3 เรื่อง 1) ร่างกายร้อน
2) เนื้อเยื้อมีความแข็งมากเกินไป
3) ตัวเม็ดเลือดขาวเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะทำการโอบสลายเซลล์มะเร็งเพราะโดนความร้อนเผาอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีกำลังพอที่สลายอะไรได้
#ส่วนจะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ หากปฏิบัติได้ดีมากก็จะหายเร็วมาก มากปฏิบัติได้เท่าไหร่ก็จะหายเร็วเท่านั้น โดยปกติหมอแผนปัจจุบันไม่รู้วิธีที่จะทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง โดยที่หมอแผนปัจจุบันก็ทราบว่าเม็ดเลือดขาวเป็นตัวกินเซลล์มะเร็ง แต่แพทย์แผนพุทธรู้วิธีนี้ จึงทำให้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้
#การแก้ไขโรคมะเร็งตามแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันคือการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด
# การผ่าตัดคือการผ่าตัดเอาเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป แต่ก้อนมะเร็งไม่ได้เป็นตนเหตุของมะเร็ง แต่ต้นเหตุของมะเร็งนั้นคือพฤติกรรมการก่อมะเร็ง เพราะฉะนั้นหากมีการตัดเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกมะเร็งก็จะกลับมาโดยค่าเฉลี่ยภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่คุณตัดเนื้อส่วนนั้นไป นี้คือค่าเฉลี่ยนของหมอแผนปัจจุบันที่มีการเก็บข้อมูลกันมา แต่ปัจจุบันนี้มะเร็งจะกลับมาเร็วกว่า 5 ปี ด้วยซ้ำไป เมื่อตัดออกไปแล้วหมอมักจะให้คนไข้กินอาหารบำรุงร่างกายมาก ๆ ซึ่งนี้ก็ยิ่งทำให้มะเร็งกลับมาเร็วขึ้นไปอีก
#- การฉายแสง เขาจะตีกรอบและฉายแสงลงไป โดยใช้แสงกัมมันตภาพรังสี กัมมันตภาพรังสีส่วยใหญ่จะใช้ในการทำระเบิดปรมาณู แต่มีการนำแสงชนิดนี้มาฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อมีการฉายแสงลงไปเซลล์มะเร็วก็จะตายอย่างแน่นอนแต่พลังงานความร้อนมันไม่ได้อยู่กับที่โดยหลักปฏิบัติพลังงานความร้อนจะกระจายไปทั่วโดยคนไข้จะมีอาการออกร้อนไปทั้งตัว ปากเปื่อย ปากพอง ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ผมร่วง ดำไปทั้งตัว ไหม้ไปทั้งตัว
#นั้นแปลว่าความร้อนได้ขยายไปทั่งทั้งร่ายกาย แต่แพทย์พยายามบอกกับคนไข้ความมีการตีกรอบในการฉายแสงเอาไว้แล้ว ซึ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลยโดยแพทย์และพยาบาลเองเมื่อเตรียมตัวจะฉายแสงก็จะหาที่หลบเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนแสงนั้น ๆ หากแสงนั้นไม่กระจายจริงอย่างที่แพทย์บอกทำไมทั้งแพทย์และพยาบาลไม่ยืนอยู่เป็น เพื่่อนคนไข้ด้วยกัน
#เพราะแพทย์เองก็ทราบว่าแสงนั้นไม่อยู่กับที่มันจะกระจายไปทั่วบริเวณ และกระจายไปทั่วตัวคนไข้ด้วยเช่นกัน ในศูนย์มะเร็งจะเต็มไปด้วยแสงที่เป็นอันตราย แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็งเองก็ป่วยเยอะมากป่วยด้วยโรคที่มีมีสภาวะร้อนเกินเช่น ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง หรือไทรอยเป็นพิษ เป็นต้น
#- การทำเคมีบำบัด คือ การฉีดสารพิษเข้าไป ซึ่งสารพิษนั้นมีฤทธิ์ร้อน ซึ่งมีฤทธิ์ร้อนมากขนาดทำให้เส้นเลือดไหม้จนดำ
ออกร้อนตามเนื้อตัว บางคนออกอาการปากเปื่อย ปากผอม ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน
เวียนหัว ดำไหม้ไปทั้งตัว สารพัดที่จะทรมาน ทุรนทุราย เกือบ 100
เปอร์เซ็นต์ เป็นเช่นนั้น มันร้อนมากเพราะเขาหมายต้องการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย ใช้ความร้อนมากขนาดนี้ โดยมีการออกกฎ ระเบียบมาว่า ห้ามให้คนผสมยานั้น เป็นผู้ฉีดยา ต้องแบ่งกันทำงาน
#โดยมีคนหนึ่งผสมยา และมีอีกคนหนึ่งเป็นผู้ฉีดยา เพื่อว่าจะได้มีการกระจายพิษกันออกไป คนละเล็กคนละน้อย แต่คนที่ได้รับพิษมากที่สุดก็คือคนที่โดนฉีดยา โดยแพทย์หมายที่จะนำความร้อนนั้นไปฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย แต่คุณคิดหรือไม่ว่า พลังงานหรือยาที่เข้าไปจะ เข้าไปฆ่าแต่เฉพาะเซลล์มะเร็งอย่างเดียว ความจริงก็คือ มันเข้าไปทำลายทุกเซลล์ด้วย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว
#เซลล์เม็ดเลือดขาวจะลดลงมากมาย ตายเกือบหมด และจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับคนที่ฉายแสงและทำเคมีบำบัด แสงและเคมีบำบัดมันร้อนมากร้อนขนาดอย่างที่ว่าสามารถทำให้คนตายได้ บางครั้งการฉีดยาครั้งเดียวก็สามารถทำให้คนตายได้ในบางคน หรือร้อนขนาดที่นำมาทำระเบิดฆ่าคนให้ตายได้หลายล้านคนในเวลาเดียวแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะเกิดมะเร็งใหม่ที่ร้ายกว่าเกิดในอีกไม่นาน
#หลังจากที่คุณฉายแสงและเคมีบำบัดเพราะว่าพิษร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่นั้น ที่หมายจะฆ่าเซลล์มะเร็งนั้นให้ตายเป็นพิษร้อนที่ดุร้ายยิ่งกว่าพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งเสียอีก ร้ายกว่าเดิมหลายหมื่นเท่าก็ว่าได้ เพราะว่าการกินอาหารเป็นพิษนั้นไม่ได้ทำให้ตายในทันที แต่การโดยเคมีนั้นสามารถทำให้ตายได้ในทันที เพราะฉะนั้นมะเร็งที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็จะร้ายกว่าเกิดเพราะพิษที่ใส่เข้าไปนั้นร้ายกว่าเกิดหลายเท่าตัว
#และอีกอย่างหนึ่งพิษเก่าที่่มีอยู่ก็ไม่ได้มีการแก้ไข หนำซ้ำยังมีการเพิ่มพิษใหม่เข้าไปอีก และพฤติกรรมก็มีการทำอยู่เหมือนเก่า ทำให้มีการเกิดพิษขึ้นเป็น 2 เท่า ถามว่าทำไมถึงเกิดมะเร็งใหม่ ก็เพราะว่า 1) ต้นเหตุที่ทำให้เกิดมันร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
2) เม็ดเลือดขาวมันถูกฆ่าจากการทำเคมีบำบัดและฉายแสง ซึ่งเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กินชื้อโรคในร่างกาย กินเซลล์มะเร็ง
#คุณต้องการรักษามะเร็งแต่ตัวคุณกลับไมฆ่าสิ่งที่รักษาตัวที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็ง แล้ว จะถือเป็นการรักษาได้อย่างไร แม้กระทั่งตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ การผ่าตัดยังพอรับได้เพราะไม่มีการใส่พิษเพิ่มเข้าไปในร่างกาย
3) ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในต่างกายตายไปด้วย เพราะการฉีดยาเข้าไปได้มีการทำลายเซลล์ในร่างการเพิ่มขึ้น
#เมื่อเซลล์หลายส่วนในร่างกายตายลงไป ธรรมชาติของเซลล์ ร่างกายมนุษย์เวลามันตายไปก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยทำลายเซลล์ที่ตาย เพราะฉะนั้นร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้นมีเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว เซลล์ของคนเรานั้นผิดปรกติอยู่ตลอดเวลา หากคนเรามีเม็ดเลือดขาวที่ไม่แข็งแรงแล้วไซร้มะเร็งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
#แต่ในกรณีนี้มันต่างกันเพราะเซลล์ได้มีการถูกทำลายโดยเคมี เมื่อเซลล์หลายส่วนในร่างกายตายลงก็ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปกินมะเร็ง มะเร็งใหม่ที่เกิดจากการเผาของเคมีที่ผิดรูปกว่าเดิมเม็ดเลือดขาวก็มีมีปัญญาไปกินก็เลยทำให้มะเร็งแบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยังคงอยู่ที่เพิ่มมะเร็งใหม่ ขึ้นมาอีก ทำให้รักษายากที่สุด หรือไม่สามารถรักษาได้อีกเลย
การพิจารณาการผ่าตัดกรณีมีเนื้องอกหรือเนื้อร้ายในร่างกาย
1. ตัดเพื่อลดความปวด ความทุกข์ทรมานที่มีมาก
2. ตัดเพื่อช่วยบรรเทาอาการเช่น ลำไส้อุดตันมากถ่ายไม่ได้
3. ตัดเนื่องจากเกิดอวัยวะสำคัญอาจเกิดอันตราย เช่นเนื้องอกในสมอง
ดร.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว)
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์วิถีธรรม
วิชชาธิการบดี สถาบันวิชชาราม
ที่มา:
เพจหมอเขียว-ตอบปัญหากายใจ2 คำตอบที่61 โรคมะเร็ง
เพจหมอเขียว-ตอบปัญหากายใจ ๒ คำถามที่ 71
***************************************
แนะนำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการศึกษา (คลิ๊กดูตามรายการด้านล่าง)
ข้อมูลแพทย์วิถีธรรม เทคนิคการดูแลสุขภาพ 9 ข้อ (ยา 9 เม็ด)
ที่มาของยา 9 เม็ดคืออะไร
สาเหตุของการเกิดโรคตามหลักการแพทย์วิถีธรรม
บรรยายวิเคราะห์โรคมะเร็ง ตามหลักการแพทย์วิถีธรรม
แชร์ประสบการณ์ จาก นพ.ชัยพร กันกา อดีต ผอ.ศูนย์โรคมะเร็ง จ.ลพบุรี
แนะนำอาหารปรับสมดุล
แชร์ประสบการณ์มะเร็ง
แชร์ประสบการณ์มะเร็งลำไส้
แชร์ประสบการณ์มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งลำไส้ใหญ่ กรณีศึกษาที่ 2
แชร์ประสบการณ์มะเร็งเต้านม
แชร์ประสบการณ์มะเร็งเต้านม กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งเต้านม กรณีศึกษาที่ 2
แชร์ประสบการณ์มะเร็งเต้านม กรณีศึกษาที่ 3
แชร์ประสบการณ์มะเร็งปากมดลูก
แชร์ประสบการณ์มะเร็งมดลูก กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม กรณีศึกษาที่ 2
แชร์ประสบการณ์มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ระยะที่ 3 กรณีศึกษาที่ 3
แชร์ประสบการณ์มะเร็งปากมดลูก กรณีศึกษาที่ 3
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อลูกหมาก
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมลูกหมาก กรณีศึกษาที่1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมลูกหมากระยะที่ 4 กรณีศึกษาที่ 2
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้น 3 กรณีศึกษาที่ 2
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 4 กรณีศึกษาที่ 3
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง กรณีศึกษาที่ 4
แชร์ประสบการณ์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง กรณีศึกษาที่ 5
แชร์ประสบการณ์มะเร็งปาก
แชร์ประสบการณ์มะเร็งปาก กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
แชร์ประสบการณ์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งถุงน้ำดี
แชร์ประสบการณ์มะเร็งถุงน้ำดี กรณีศึกษาที่ 1
แชร์ประสบการณ์มะเร็งกระดูกเชิงกราน
แชร์ประสบการณ์มะเร็งกระดูกเชิงกราน กรณีศึกษาที่ 1
#หัวใจขาดเลือด
เกิดจากความร้อนในปริมาณที่มากเผาน้ำในเลือดให้แห้งทำให้เลือดข้น และเส้นเลือดเกิดการตีบตันไม่มีน้ำไปขยายเส้นเลือด พอเลือดข้น เลือดก็ไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ จึงทำให้หัวใจขาดเลือด เกิดการเจ็บหัวใจแปล๊บปล๊าบ ๆ หากเป็นมาก ๆ ก็จะมีอาการร้าวไปที่แขนการแก้ก็ไม่ยากเพราะ
#ต้นเหตุเกิดจากการที่เรามีร่างกายร้อน พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ว่า หากอยากดับทุกข์ให้ดับที่เหตุ ในอริยะสัจ 4 บอกไว้ หากอยากดับทุกข์ก็ให้ดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ ในเมื่ออยากพ้นทุกข์ก็ต้องดับทุกข์ อยากดับทุกข์ได้ถาวรก็ให้ดับที่เหตุหากรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ร้อนก็ให้ใส่เย็นเข้าไปความเย็นก็เข้าไปละลายลิ่มเลือดทำให้หลอดเลือดโตขึ้น
#พอหลอดเลือดโตขึ้นเลือดก็สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้ ก็ทำให้หัวใจแข็งแรงเราก็จะหายจากโรคหัวใจขาดเลือด รวมไปถึงสมองขาดเลือดด้วยพวกที่สมองขาดเลือดเจอลิ่มเลือดที่นั้นที่นี่ก็ให้ใส่ความเย็นเข้าไปความเย็นก็จะไปละลายลิ่มเลือดได้เอง แต่หากกินยาสลายลิ่มเลือดจะไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรกินยาสลายลิ่มเลือด
#เพราะยาสลายลิ่มเลือดเป็นยาที่มีฤทธิ์ร้อนสังเกตได้จากการที่มีผลข้างเคียงเช่น มีผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียนเลือดออกตามที่ต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นอาการร้อนเกินทั้งสิ้น ยาสลายลิ่มเลือดจะใช้ได้ผลดีที่เมืองหนาวอันเกิดจากอากาศหนาวมาก ๆ จะทำให้เลือดในร่างกายแข็ง
#เพราะฉะนั้นยาที่มีความร้อนจะสามรถสลายลิ่มเลือดได้แต่หากน้ำมาใช้ที่เมืองร้อนก็จะทำให้ร่างกายยิ่งร้อนเข้าไปอีกจึงไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ แต่หากมาทำรักษาตามแบบ แพทย์วิถีพุทธได้มีการรักษาโรคที่ตรงจุดจึงทำให้โรคต่าง ๆ หายได้ เบากายมีกำลัง
ดร.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว)
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์วิถีธรรม
วิชชาธิการบดี สถาบันวิชชาราม
ที่มา: เพจหมอเขียว-ตอบปัญหากายใจ2 คำตอบที่ 62 หัวใจขาดเลือด
*******************************
#โรคหัวใจโต
เกิดจากภาวะร้อนเกินเป็นหลักใหญ่ ร่างกายที่ใดหากมีความร้อนมาก และมีการระบายพิษไปที่หัวใจ แต่เมื่อพิษที่ส่งไปมีปริมาณที่มากจนเกินกว่าที่หัวใจจะสามารถระบายพิษออกไปได้หมดความร้อนนั้นก็จะเผาหัวใจให้ร้อนพอหัวใจร้อน ร่างกายก็จะมีกลไกช่วยหัวใจโดยร่างกายก็จะส่งน้ำไปดับไฟ
#เมื่อมีน้ำไปมาก ๆ ก็ทำให้หัวใจมีอาการบวมและโต พอบวมโตหัวใจก็จะโตทำให้เผาประสาทแต่เนื่องจากร่างกายร้อนมาก ไม่มีน้ำส่งไปก็มีการส่งเลือดเข้าไป ส่งเม็ดเลือดขาวเข้าไป ส่งน้ำเหลืองเข้าไปแทน
#ทำให้มีอาการปวดบวมและแดง จึงทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดงและร้อน เมื่อเป็นมาก ๆ เข้าก็จะทำให้ติดเชื้อซ้ำเข้าไปอีก เพราะว่าเชื่อโรคเร่งขยายตัวจากอาการอักเสบธรรมดาก็เป็นการอักเสบแบบติดเชื้อ
ดร.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว)
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์วิถีธรรม
วิชชาธิการบดี สถาบันวิชชาราม
ที่มา:เพจหมอเขียว-ตอบปัญหากายใจ2
***************************************
#โรคลิ้นหัวใจรั่ว
เหตุเกิดจากความร้อนเผาลิ้นหัวใจจนผิดรูป จึงทำให้หัวใจรั่วหรือเผาจนทำให้หัวใจเกิดการบีบตัวเผื่อต้องการเผาพิษร้อนนั้นออกเมื่อมีการบีบตัวมาก ๆ ก็ทำให้เกิดความล้าและผิดรูปไปได้ในที่สุด มีคนไข้บางรายที่มารักษาแพทย์แผนปัจจุบันมีการนัดผ่าตัดหัวใจ แต่เพื่อคนไข้มาถึงที่นี้เราก็มีการพาคนไข้แก้ไขลมปราณ ถอนพิษร้อน
#พอคนไข้สามารถถอนพิษร้อนได้ คนไข้เองก็รู้สึกสดชื่นขึ้นตั้งแต่วันแรกที่มา พอถึงวันสุดท้ายคนไข้กลับบ้านไป 2 อาทิตย์ พอเข้าไปตรวจกับแพทย์แผนปัจจุบัน ผลการตรวจออกมาปรากฏว่าหัวใจเป็นปรกติดี ไม่ต้องผ่าตัดแล้วนี้
#แสดงให้เห็นว่า การแก้ไขลมปราณทั้ง 6 เส้นนี้มีประสิทธิภาพมาก หากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็ให้เน้นเส้นหัวใจ กับเส้นปอดเป็นหลัก หากเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจให้แก้เส้นที่แขนทั้ง6 เส้นให้ดี ๆ ก็จะสามารถช่วยได้มากคนไข้ก็จะสามารถฟื้นได้เร็วโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัวแต่เป็นการผ่าด้วยลมปราณ
#การผ่าตัวหัวใจจะมีการผ่าในกรณีที่เป็นโรคหัวใจที่มากเกินจนไม่สามารถรักษาตามแนวแพทย์วิถีพุทธได้ หรือไม่สามารถรักษาตามแนวธรรมชาติบำบัดได้ โดยมีการพยายามทำเต็มที่แล้วแต่ร่างกายก็ไม่ดีขึ้นได้ ก็อาจจำเป็นจะต้องมีการผ่าตัดตามแนวแพทย์แผนปัจจุบัน
#แต่มีตัวที่ชี้วัดว่าหัวใจสามารถฟื้นได้หรือไม่ก็คือ ให้ดูที่พลังชีวิตของคนไข้เองว่าตนเองมีพลังชีวิตดีหรือไม่ มีความสบายเบากายและมีกำลังหรือไม่แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราทำทุกอย่างตามยา 9 เม็ด แล้ว
#แต่ร่างกายก็ไม่ดีขึ้นก็ให้คนไข้สามารถตัดสินใจ หรือ ทำตามใจของตนเองได้เลย หากมีความสมควรเราก็ไม่มีการตีทิ้งแพทย์แผนปัจจุบันเสียทีเดียว แต่บางอย่างหากเราสามารถพึ่งตนเองได้ เราก็ควรจะทำก่อน
ดร.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว)
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์วิถีธรรม
วิชชาธิการบดี สถาบันวิชชาราม
ที่มา : เพจหมอเขียว-ตอบปัญหากายใจ2
**************************************
ศึกษาข้อมูลแพทย์วิถีธรรม เพิ่มเติมได้ที่
www.morkeaw.net